วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2560

นวนิยายเรื่อง บัลลังก์รักป่าเถื่อน ตอนที่ 4

บัลลังก์รักป่าเถื่อน ตอนที่ 4


ณ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมือง ใกล้ๆกับบ้านของท่านทูตและภริยา ซึ่งห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ จะมีแต่ระดับไฮโซ ระดับคุณหญิง คุณนาย เท่านั้นที่จะมาเดินช็อปปิ้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะขึ้นชื่อในเรื่องของอัญมณีและเครื่องประดับที่มีมูลค่า หนึ่งในนั้นมีร้านเพชรของเศรษฐีเมืองไทยที่ได้มาเปิดร้านอยู่ที่นี่ โดยที่กวินได้เข้าไปทำงานพาสไทม์ที่ร้านด้วย จนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
 เฮ้ยๆๆทุกคน ไอ้วิน มันขโมยเครื่องเพชรของลูกค้าจริงๆ เสียงร้องดังขึ้นท่ามกลางร้านเพชรที่อยู่ในห้าง ซึ่งมีผู้คนหันมามองเป็นจำนวนมาก ต่างก็ให้ความสนใจมาที่เสียงร้องว่าเกิดอะไรขึ้น
ผมไม่รู้เรื่องนะ ผมไม่ได้ขโมย ผมไม่ได้ขโมยเสียงร้องข้องกวินดังขึ้น ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของร้านใช้กุญแจล็อกมือของกวินไว้แล้วลากออกไปจากร้านเพื่อส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างทุลักทุเล
พี่ครับ ผมไม่ได้ทำนะ ผมไม่ได้ขโมย ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ กวินร้องบอกเจ้าหน้าที่ด้วยน้ำเสียงที่เศร้าและสะอึก โดยน้ำตานั้นไหลออกมาอย่างไม่ยอมหยุด
ผมไม่รู้หรอกว่าคุณขโมยจริงหรือไม่จริง แต่หลักฐานมันมัดตัวคุณแน่นขนาดนี้คุณจะบอกว่าไม่ได้ขโมยไม่ได้เสียงของเจ้าหน้าคนหนึ่งที่เป็นคนไทยร้องมาที่กวินด้วยน้ำเสียงที่ดุดันและทำสีหน้าเคร่งเครียด
 พี่รู้ได้อย่างไรว่าผมขโมย เอาอะไรมาพูด กวินร้องเถียงเจ้าหน้าที่พลางร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วพี่จะพาผมไปไหนกวินร้องถามด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าทั้งที่น้ำตาไหลออกมาไม่ยอมหยุด
มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมเราถึงต้องเป็นแบบนี้กวินคิดถามตัวเองในใจอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่รถกำลังวิ่งมุ่งหน้าไปที่สถานีตำรวจ
คุณตำรวจครับ นี่ครับ จับได้แล้วคนที่ขโมยเครื่องเพชรของลูกค้าในร้าน เสียงของชายเจ้าหน้าที่ของร้านพูดกับตำรวจ
เมื่อกวินถูกจับส่งตำรวจ กวินไม่สามารถแก้ตัวใดๆ ได้ จึงเอาแต่นั่งร้องไห้อยู่ตลอดเวลา คิดไม่ออกว่าจะให้ ใครช่วย โทรศัพท์ก็ไม่มี เบอร์เพื่อนก็จำไม่ได้ เอาแต่นั่งกอดเข่าก้มหน้า คิดไปเรื่อยเหมือนคนที่จิตตก เพราะเป็นห่วงเรื่องเรียนของตัวเอง กลัวจะถูกตัดสิทธิจากทุน เมื่อกวินนั่งอยู่สักพักจึงรวบรวมสติและความกล้าที่จะต่อสู้กับความอยุติธรรม จึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะของคุณตำรวจ
สรุปผมจะต้องติดคุกใช่ไหมครับ ผมไม่ได้ทำความผิด ผมไม่ได้ขโมยนะครับ ฮือ ฮือ ฮือ กวินร้องถามตำรวจทั้งที่ยังร้องไห้มือเช็ดน้ำตา ผมต้องทำยังไงผมถึงจะได้กลับบ้าน ฮือ ฮือ ฮือกวินถามเจ้าหน้าที่ด้วยน้ำเสียงที่สั่นๆ…  
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นอาการของกวิน ก็เกิดความสงสาร จึงคิดหาทางที่จะช่วยให้กวินไม่ต้องนอนที่คุกใน วันนี้
คุณก็ต้องหาเงินมาประกันตัวแล้วหลักฐานมาสู้คดี สิครับ เจ้าหน้าที่ตำตรวจพูดกับกวินด้วยความสงสาร พร้อมทั้งยื่นผ้าเช็ดหน้าอาหารและน้ำดื่มให้  
แต่ผมไม่รู้จักใครเลยนะครับ ผมพึ่งเดินทางมาที่นี่ได้ไม่นาน ฮือ ฮือ ฮือ ผมได้ทุนจากประเทศไทยมาเรียนต่อ นะครับ ฮือ ฮือ ฮือกวินตอบเจ้าหน้าที่ตำรวจพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นเอาผ้าเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา
เออเอาอย่างนี้ละกันนะ เดี๋ยวผมจะติดต่อไปที่สถานทูตไทยให้เขาทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณก่อนเพราะคุณเป็นนักศึกษาทุนเขาคงจะช่วยคุณได้  แต่ตอนนี้คุณต้องอยู่ในห้องขังก่อนนะ เพื่อรอสอบสวนคดีเพิ่มเติมและรอคนที่สถานทูตมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดกับกวินด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเศร้าๆ เพราะสงสาร
เมื่อคุณตำรวจพูดเสร็จจึงทำให้กวินนั้นมีความหวังขึ้นมาบ้าง แต่ในใจลึกๆ ของกวิน ก็คิดว่าถ้าเรื่องนี้ถึงสถานทูตก็จะทำให้เรื่องเรียนของตนเองนั้นมีปัญหา ถ้ายังหาหลักฐานมาเอาผิดคนที่ใส่ความตนไม่ได้ทันเวลา กวินก็ได้เอาแต่นั่งเหม่อลอยร้องไห้ ไม่พูดไม่จากับใคร จนเกือบค่ำ
 แข็ก แข็ก แข็ก เสียงเปิดประตูเหล็กของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
คุณกวินเกียรติ มีเจ้าหน้าที่จากสถานทูตมาขอพบคุณเสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดกับกวิน
 ใครครับ ใครครับกวินร้องถามเจ้าหน้าที่ด้วยความดีใจพลางรีบลุกขึ้นส่องสายมองหา
เขารอคุณอยู่ด้านนอก เดินตามผมออกมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดกับกวินแล้วเดินจูงมือของกวินออกมาข้างนอกเพื่อสอบสวนอีกครั้ง
ในขณะที่กวินออกมาถึงหน้าห้องสอบสวน กวินก็ได้พบกับปกรณ์เจ้าหน้าที่สถานทูต คนที่เคยไปรับตนที่ สนามบินอีกครั้ง พร้อมตะโกนว่า คุณปกรณ์ครับ ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ขโมยนะครับ ช่วยผมด้วยกวินร้อง บอกปกรณ์ด้วยน้ำเสียงที่ดูมีความหวัง ในขณะที่กำลังเดินออกมาจากห้องขังพร้อมกับเจ้าหน้าที่
คุณตำรวจครับ ผมขอคุยกับกวินสักครู่ได้ไหมครับปกรณ์พูดกับเจ้าที่ตำรวจแล้วเดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้เพื่อคุยกับกวิน
กวินเมื่อเห็นปกรณ์ก็รีบโผเข้ากอดอย่างเต็มแรง พร้อมทั้งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พี่ต้องช่วยผมนะครับ ฮึ ฮึ ฮึ ผมไม่ได้ขโมยจริงๆ ฮือ ฮือ ฮือ กวินพูดกับปกรณ์ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและร้องไห้อยู่ตลอดเวลา
ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เรื่องนี้จะยังไม่ถึงสถานทูต จะไม่ส่งผลต่อการเรียนของคุณแน่นอน ถ้าหากคุณไม่ได้ทำความผิดจริงๆ ปกรณ์พูดกับกวินด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงพร้อมโอบกอดแล้วเอามือลูบหลังเพื่อให้กำลังใจ สักพักปกรณ์ก็เอามือผลักตัวของกวินออกแบบเบาๆ โดยที่มือทั้งสองข้างของปกรณ์นั้นจับอยู่ที่บ่าของกวิน ซึ่งใบหน้าของทั้งคู่นั้นตรงกัน ปกรณ์จึงได้ใช้มือของตนเองนั้นเอื้อมไปเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากใบหน้าของกวิน ทำให้กวินนั้นยิ้มแบบเขินๆ ทั้งๆ ที่มีเรื่องทุกข์ใจ
วันนี้ผมจะประกันตัวคุณออกไปก่อนนะ ถ้าคุณบอกว่าคุณไม่ได้ทำความผิดจริงๆ คุณต้องพร้อมที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ Ok ไหมปกรณ์พูดกับกวินแล้วเดินไปที่พนักงานสอบสวน
คุณตำรวจครับ ผมจะขอประกันตัวคุณกวินเกียรติครับปกรณ์เดินไปที่พนักงานสอบสวนแล้วขอยื่นประกันตัว
ประกันได้ครับ แต่คุณต้องเซ็นรับรองว่าคุณกวินเกียรติจะไม่หลบหนีไปไหนจนกว่าจะสืบหาความจริงเสร็จ เพราะคดีนี้ถึงจะเป็นคดีลักทรัพย์ แต่ทรัพย์นั้นเป็นทรัพย์ที่มีที่มาที่ไปและมีมูลค่ามากนะครับ หวังว่าคุณคงเข้าใจนะ และจะต้องมารายงานตัวทุก 7 วันเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดกับปกรณ์ด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดพร้อมกับยื่นเอกสารให้กับปกรณ์และกวินเซ็น
เมื่อปกรณ์ออกมาจากสถานีตำรวจพร้อมกับกวินเวลาก็ค่ำพอดี
ผมต้องขอบคุณพี่มากๆ เลยนะครับที่ช่วยผมไว้ในวันนี้กวินกล่าวขอบคุณปกรณ์ด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เกรงใจ
ไม่เป็นไรๆ คนกันเอง ถ้าว่าตัวเองไม่ผิด ก็ต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจสิปกรณ์ตอบกวินในขณะที่กำลังขับรถพลางหันมายิ้มให้และส่งสายตาที่กวนๆ ให้กับกวินอยู่ตลอดเวลา
งั้นผมจะรีบหาทำงานใหม่และเก็บเงินมาแทนพี่นะ หรือไม่พี่จะให้ผมทำยังไงก็ได้เพื่อตอบแทนที่พี่ช่วยผมในครั้งนี้ กวินพูดพลางยื่นข้อเสนอให้กับปกรณ์เพื่อที่จะเป็นการตอบแทน
เมื่อปกรณ์ขับรถมาส่งกวินถึงห้อง ปกรณ์จึงขอกวินขึ้นไปที่ห้องด้วย เพราะปกรณ์นั้นปวดท้องอย่างหนัก
กวินผมขอขึ้นไปบนห้องคุณได้ไหม ผมอยากเข้าห้องน้ำ อะปกรณ์ขอกวินขึ้นไปบนห้องพักด้วยเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำ ทั้งที่กวินเองนั้นไม่ได้ตอบปกรณ์ก็วิ่งเข้าไปในตึกนั้นก่อนแล้ว
ได้ๆๆ ครับ กวินตอบปกรณ์พลางเงยหน้าขึ้นมาแต่ก็ไม่พบปกรณ์เสียแล้ว
กวินเองก็เริ่มที่จะมีใจให้กับปกรณ์ แต่ก็ได้แค่คิดเพราะในใจลึกๆ ของกวินคิดว่าคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าตัวเองนั้นต่ำต้อย ไม่คู่กับเทพบุตรอย่างคุณปกรณ์ที่มีเพียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งหล่อ ทั้งรวย ซึ่งเป็นที่ต้องการของใครหลายๆ คน
แต่จะรู้ไหมว่าปกรณ์เองนั้นก็กำลังแอบหลงรักกวินอยู่ จึงคิดที่จะขึ้นไปบนห้องของกวินเพื่อจะดูว่ากวินนั้นอยู่ห้องไหน กับใคร ซึ่งปกรณ์หลงรักกวินตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน อยู่ที่สนามบินครั้งที่กวินนั้นเดินทางมาจากประเทศไทย
ในขณะที่ปกรณ์เข้าห้องน้ำอยู่ กวินก็ได้ถอดเสื้อผ้า

Cr.สวยคม



นวนิยายเรื่อง บัลลังก์รักป่าเถื่อน ตอนที่ 3


บัลลังก์รักป่าเถื่อน ตอนที่ 3



ใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยตึกและอาคารที่มีความสวยงามและทันสมัย ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวขุ่นบางๆ โดยมีผู้คนสัญจรไปมาอยู่ตลอดเวลาราวกับว่าไม่มีกลางวันและกลางคืน ในเวลากลางคืนก็มีแสงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟนานับล้านดวงที่ส่องแสงสว่างไปทั่วทุกซอกทุกมุมของมุมตึก ซึ่งในวันนี้เองกวินและก้องภพจะต้องเข้ารายงานตัวกับสถานทูตเป็นวันแรก    
 ก๊อก ก๊อก ก๊อก ขออนุญาต ครับเสียงปกรณ์เคาะประตูพลางร้องขออนุญาตเข้าห้อง เชิญค่ะเสียงหญิง สาวที่อยู่ด้านในขานตอบ พร้อมเปิดประตูออกมารับ กวินและก้องภพเดินเข้ามาในห้องพร้อมยกมือไหว้แล้ว นั่งลงที่เก้าอี้ด้วยอาการที่สำรวม แล้วจ้องมองตากันต่างคนต่างเงียบ
สักพักปกรณ์ก็ลุกขึ้นยืนนี่ คือนักศึกษาทั้งสองคนที่ได้รับทุนมาเรียนต่อที่นี่ครับ เสียงปกรณ์แนะนำกวินและก้องภพให้กับท่านทูตและเจ้าหน้าที่ทุกคนในห้องได้รู้จัก
สวัสดีครับ ผมนายกวินเกียรติ กิตติสุนทร นักศึกษาที่สอบได้ทุนมาเรียนต่อที่นี่ครับ กวินยืนขึ้นจากเก้าอี้พลางยิ้มและยกมือไหว้แนะนำตัว  “สวัสดีครับ ส่วนผม นายก้องภพ เลิศหิรัญกุล  นักศึกษาที่สอบได้ทุนมาเรียนต่อที่นี่ เช่นเดียวกันครับก้องภพยืนขึ้นแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่ดังและมั่นใจ พลางยืนยิ้มให้กับทุกคนในห้องอย่างเป็นมิตร
เมื่อเสร็จจากการรายงานตัว ทุกคนต่างแยกย้ายออกจากห้องประชุมด้วยความเร่งรีบ แล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานของใครของมัน ส่วนกวินและก้องภพก็เดินออกมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนคนหมดแรงอย่างบอกไม่ถูก
เฮ้อ!!! เกือบตายไหมเรา”  เสียงก้องภพถอนหายใจแล้วพูดกับกวินด้วยสีหน้าที่หมดแรง เอออย่าบ่นเลยนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า แต่จะว่าไปการที่จะมาอยู่ต่างประเทศนี่ ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิดเลยไว้เลยเนาะกวินพูดกับก้องภพพลางหัวเราะเยาะ
คุณ คุณ คุณ เสียงร้องของหญิงสาวดังมาจากทางด้านหลังของห้องประชุม
ครับผม มีอะไรหรือเปล่าครับกวินและก้องภพร้องถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ตกใจ
เปล่าๆ วันนี้ท่านทูตให้มาบอกว่าจะพาพวกคุณสองคนไปเลี้ยงอาหารเย็นที่บ้าน เลขาท่านทูตพูดกับกวินและก้องภพพลางยิ้มแก้มปริและส่งสายตาให้ทั้งคู่ ท่านบอกไม่ต้องเกรงใจ เลิกงานท่านจะให้คนไปรับที่ห้องพัก เลาขาพูดย้ำอีกครั้ง พลางจับมือของทั้งสองขึ้นมาแล้วลูบเบาๆ เพราะดูท่าทางของกวินและก้องภพจะเกรงใจ   
ท่ามกลางแสงไฟที่ส่องสว่างไปทั่วท้องถนน ราวกับตอนกลางวัน บ้านที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ติดกับห้างสรรพสินค้าชื่อดังของอังกฤษ ซึ่งประดับตกแต่งไปด้วยต้นไหม้ดอกไม้นานาชนิด ราวกับพระราชวังของเจ้าชายในการ์ตูน
ในค่ำนี้กวินและก้องภพจะต้องมาทานอาหารเย็นกับครอบครัวของท่านทูตเป็นการส่วนตัว ซึ่งทั้งสองตื่นเต้น และดีใจ ที่ได้รีบเกียรติจากท่าน
สวัสดีค่ะ เชิญค่ะเสียงแม่บ้านพูดกับกวินและก้องภพด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พลางเปิดประตูบ้านให้แล้วพาเดิน ไปที่โต๊อาหาร สวัสดีครับกวินและก้องภพไหว้ทักทายท่านทูตและภริยาด้วยท่าทางสง่าดูดี สวัสดีจ้า เชิญนั่งๆ ลูกเสียงภรรยา  ท่านทูตขานรับพร้อมกับยืนขึ้นถอยเก้าอี้ให้กวินและก้องภพนั่งอย่างเป็นกันเอง ขอบคุณครับ ก้องภพและ กวินกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่เบาและท่าทางเกรงใจ ไม่ต้องเกรงใจนะ ทำตัวสบายๆ จะได้ทานข้าวอร่อย ท่านทูตพูดขึ้นพลางยิ้มให้ทั้งสอง
เมื่อทุกคนรับประทานอาหารกันอิ่มหมดแล้ว ท่านทูตและคุณหญิงก็ได้ถามข่าวคราวความเป็นอยู่ของทั้งคู่ ซึ่งการพูดคุยเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ชื่นมื่นและอบอุ่น แบบไม่ถือตัวใดๆ  ถึงแม้ว่าตระกูลของท่านจะเป็นถึงหม่อมราชวงศ์ก็ตาม ซึ่งบรรยากาศในบ้านราวกับจัดปาร์ตี้ขนาดเล็ก มีแสงไฟแสงเทียนบนโต๊ะส่องแสงระยิบระยับไปทั่วบริเวณบ้าน
เวลาประมาณ 4 กว่าๆ  กวินและก้องภพต้องขอตัวกลับห้องพัก
ยังไงวันนี้พวกผมทั้งสองคนก็ขอขอบคุณ คุณท่านและคุณหญิงมากๆ นะครับ ที่ให้เกียรติเลี้ยงอาหารเย็นต้อนรับพวกผมสองในวันนี้กวินกล่าวขอบคุณ ท่านทูตและคุณหญิงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
วินมึงว่าคุณท่านและคุณหญิง อยู่กันแค่สองคนไหม ว่ะ ทำไมบ้านของท่านดูใหญ่โตมโหฬารมากเลยกล้องภพถามกวินด้วยความสงสัยพลางเอามือเกาที่หัวของตัวเอง แบบ งง งง  ก็ไม่รู้สิ ใครจะไปรู้ละ มึงกับกูก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า กวินตอบกลับก้องภพแบบกวนๆ ด้วยอารมณ์ขบขัน แล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถ ที่ท่านทูตให้คนงานเตรียมไว้เพื่อจะไปส่ง
เมื่อทั้งคู่ถึงห้องพัก
เอ้ย ไอ้ วิน มหาวิทยาลัยของมึงกว่าจะเปิดอีกตั้งนานมึงจะอยู่ห้องเฉยๆ หรอว่ะ เบื่อแย่ ก้องภพถามกวินพลางนอนเล่นโทรศัพท์มือถือบนที่นอน ไม่หรอกมึง กูว่าจะไปหาทำงานพาสไทม์ลองดู ว่ะ กว่าจะเปิดเรียนคงได้เงินไว้ใช้บ้างกวินร้องตอบก้องภพในขณะที่กำลังแบกตะกร้าเสื้อผ้าอยู่หลังห้องเพื่อที่จะเอาไปเก็บไว้ในตู้
กูก็อยากทำนะเว้ย  แต่กูเปิดเรียนก่อนมึงนะสิ แล้วที่สำคัญเราต้องแยกกันอยู่ด้วยเพราะมหาวิทยาลัยเราไกลกันก้องภพพูดกับกวินด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ ซึ่งทั้งคู่ต้องแยกจากกัน เพื่อไปเรียน เพราะกวินและก้องภพสอบได้ทุนคนละมหาวิทยาลัย
แล้วมึงจะไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยวันไหนว่ะกวินถามก้องภพในขณะที่มือก็กำลังจัดเสื้อผ้าเข้าตู้
มะลืน นี้ละมึง แม่ง!!! กูยังไม่อยากไปเลยว่ะ กูยังไม่พร้อมจริงๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่าก้องภพตอบกวินด้วยน้ำเสียงกวนๆ และหัวเราะพลางนอนเล่นโทรศัพท์ไปด้วย  
เออ ไม่เป็นไรหรอก มึงค่อยแวะมาเล่นกับกูละกัน กวินตอบก้องภพ
อืด อืด อืด อืด…” เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของกวิน
ฮัลโหล ไอ้ วิน กูมาถึงที่พักแล้วนะ ก้องภพวีดีโอคอลมาหากวินเมื่อตัวเองเดินทางไปถึงที่หมาวิทยาลัยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม โดยมีเพื่อนใหม่โผล่หน้าเข้ามาในโทรศัพท์ด้วย เอ้ย วิน กูมีเพื่อนใหม่แล้วนะ อิจฉาไหมละก้องภพพูดหยอกกวินด้วยน้ำเสียงที่สนุกสนานและยิ้มหัวเราะตลอดเวลา ถ้ามึงเบื่อมึงมาเล่นกับกูได้นะก้องภพตะโกนบอกกวินก่อนที่สายจะหลุดไป


Cr.สวยคม


    

วันจันทร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560

นวนิยาย บัลลังก์รักป่าเถื่อน ตอนที่ 2


บัลลังก์รักป่าเถื่อน ตอนที่ 2



ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดครึ้มในขณะที่เครื่องกำลังร่อนลงจอดที่สนามบิน
"ตึ๋ง ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้เราได้นำท่านมาสู่ท่าอากาศยานกรุงลอนดอน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กรุณานั่งรัดเข็มขัดอยู่กับที่ ปรับพนักเก้าอี้ให้อยู่ในระดับตรง ปิดโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด จนกว่าสัญญาณรัดเข็มขัดจะดับลง แล้วให้ทุกท่านตรวจสอบเอกสารการเดินทางและสิ่งของ ก่อนที่ท่านจะออกจากเครื่อง ในนามของสายการบิน กัปตันพร้อมทั้งลูกเรือทุกคน ขอขอบพระคุณที่ท่านเลือกใช้บริการสายการบินของเราค่ะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้มีโอกาสต้อนรับท่านอีกในครั้งต่อไป ขอบคุณและสวัสดีค่ะ"
เสียงประกาศที่ดังขึ้นจากแอโฮสเตรสท่ามกลางความฉุกละหุกและวุ่นวายก่อนที่กวินและก้องภพจะลงจากเครื่อง ในขณะที่ทั้งสองลงจากเครื่องด้วยสีหน้าและท่าทางที่หมดแรง ทั้งสองก็รีบวิ่งไปเอากระเป๋าสัมภาระเพื่อที่จะตรวจเอกสารการเดินทางกับเจ้าหน้าที่
เมื่อกวินและก้องภพเอาสัมภาระและตรวจเอกสารเสร็จ ก็เดินไปเรื่อยๆ ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังต่อแถวกันขึ้นเครื่อง
"กวิน แกรอฉันเดี๋ยวนะ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำแปบนึง" ก้องภพบอกกวินด้วยท่าทางดูรีบๆ แล้ววิ่งไปที่ประตูทางออกของสนามบิน...
"สวัสดีครับ ใช่คุณกวินหรือเปล่าครับ" ชายชุดดำแต่งตัวดูดีเดินถือกระเป๋าเข้ามาทักกวินด้วยท่าทางที่เป็นมิตรและสีหน้ายิ้มแย้ม
"ใช่ครับ" กวินรีบตอบพลางยกมือไหว้
"คือว่า...ผมเป็นเจ้าหน้าที่จากสถานทูตมารับพวกคุณไปที่ห้องพักครับ" เจ้าหน้าที่พูดกับกวินพร้อมรับไหว้และยิ้มอย่างเป็นมิตร
"เอ้ย!!! ฮา ฮา ฮา โทษทีครับ ผมลืมแนะนำตัว ผมชื่อปกรณ์ รัตนโชติศิริกุล เป็นเจ้าหน้าที่จากสถานทูตไทยประจำกรุงลอนดอนครับ" ปกรณ์แนะนำตัวกับกวินแบบเขินๆ พรางหัวเราะและอมยิ้มหน้าแดงอยู่ตลอดเวลา
"ไม่เป็นไรครับ" กวินตอบพรางอมยิ้มแล้วมองไปที่หน้าของปกรณ์
"ว่าแต่ในข้อมูลบอกว่าเดินทางมาด้วยกัน 2 คนนิครับ แล้วอีกคนนึงไปไหน" ปกรณ์ถามกวินด้วยความสงสัยและทำท่าทางแปลกๆ สายตามองซ้ายมองขวาอยู่ตลอดเวลา
"เฮ้ย!! วิน" เสียงร้องของก้องภพที่ดังมาจากทางประตูพร้อมส่งสายตาแล้วรีบวิ่งมาทางกวิน
"นั่นไงครับมาแล้ว" กวินพูดกับปกรณ์เจ้าหน้าที่สถานทูตพลางร้องเรียกก้องภพ
"ก้องภพ ก้องภพ มาเร็ว นี่ พี่ปกรณ์ เจ้าหน้าที่จากสถานทูตที่มารับเรา" กวินแนะนำชื่อเจ้าที่ให้กับก้องภพทราบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
"สวัสดีครับ ผมปกรณ์ รัตนโชติศิริกุล เจ้าหน้าที่จากสถานทูตไทย ยินดีต้อนรับสู่กรุงลอนดอนครับ”  ปกรณ์แนะนำตัวให้กับก้องภพรู้จักพร้อมยื่นมือออกไปหาก้องภพด้วยความยินดี
สวัสดีครับ ผมก้องภพ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ก้องภพรีบยกมือไหว้แล้วยื่นแขนออกไปจับมือกับปกรณ์พลางดู สีหน้าเขินอายและทำตัวไม่ถูก...
วันนี้ผมจะพาพวกคุณไปส่งที่ห้องพักก่อนแล้วกันนะครับ พรุ่งนี้เช้าผมถึงจะมารับพวกคุณไปที่สำนักงานแต่เช้า”  ปกรณ์พูดกับกวินและก้องภพพร้อมกับลากรถเข็นสัมภาระเดินไปที่ศูนย์อาหารของสนามบิน
หิวกันไหมครับปกรณ์หันหน้ามาถามกวินและก้องภพพร้อมกับยิ้มให้ กวินและก้องภพไม่ตอบเอาแต่ยืนยิ้มและทำสีหน้า งงๆ
งั้นวันนี้เราทานอาหารที่นี่ไปก่อนแล้วกันนะครับ ถึงออกไปข้างนอกร้านก็ปิดหมดแล้ว  ปกรณ์พูดเสร็จแล้วรีบเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อแลกบัตรอาหาร
เฮ้ย!! วิน มึงว่าพี่เขาแปลกๆ ไหมว่ะก้องภพกระซิบข้างหูของกวินเบาๆ แปลกไงว่ะ กวินถามก้องภพด้วยความสงสัยและชำเรืองสายตาไปที่ปกรณ์ ก็...พี่เขาเวลามองหน้ามึงพี่เขาอมยิ้มอยู่ตลอดเลยว่ะ กูว่า ก้องภพกระซิบตอบกวินด้วยน้ำเสียงที่เบาเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน
บ้า!! มึงก็คิดไป เสียงร้องดังขึ้นท่ามกลางศูนย์อาหารของสนามบิน ผู้คนต่างมองมาที่กวินและก้องภพด้วยสีหน้าที่งุนงง เฮ้ย!!! มึงร้องทำไมวิน กูตกใจหมด ก้องภพถามกวินแล้วหัวเราะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็มึงนะสิ คิดบ้าอะไรก็ไม่รู้ กวินตอบก้องภพแล้วหันหน้าหนี
มีอะไรหรือเปล่าครับ ปกรณ์รีบเดินเข้ามาถามกวินด้วยความเป็นห่วง เปล่าครับ ไม่มีอะไร แค่ไอ้ก้องมันแกล้งผมนะครับ กวินรีบลุกขึ้นตอบปกรณ์พลางยิ้มและหัวเราะเบาๆ อ๋อ โอเค ครับ ผมนึกว่ามีอะไรปกรณ์พูดกับกวินด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง โดยปกรณ์ยื่นมือไปแตะที่ไหล่ของกวินเบาๆ
งั้นนี่ครับ บัตรซื้ออาหาร อันนี้ของคุณก้องภพ อันนี้ของคุณกวินปกรณ์พูดเสร็จก็ยื่นบัตรให้กับทั้งสองคนพลางก้มลงเก็บบัตรของตนที่หล่นลงพื้น...
ในขณะที่ก้องภพเดินไปซื้ออาหาร ปกรณ์และกวินก็นั่งอยู่โต๊ะด้วยกันสองคน ระหว่างที่ทั้งคู่จะลุกออกจากที่  จู่ๆ ก็มีเด็กสองคนวิ่งมาชนปกรณ์ ทำให้ปกรณ์นั้นหกล้มลงทับกับร่างของกวินอย่างเต็มแรง ปากของปกรณ์จึงโดนไปที่แก้มของกวินโดยไม่รู้ตัว ผู้คนในศูนย์อาหารต่างมองดูกันใหญ่และส่งเสียงร้อง ด้วยความตกใจ  Oh ! My ! God !
ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ปกรณ์รีบลุกขึ้นแล้วถามกวินด้วยความเป็นห่วงพลางยื่นมือลงไปจับแขนของกวินดึงขึ้น ไม่เป็นไรครับ แล้วคุณละเป็นอะไรหรือเปล่ากวินรีบลุกขึ้น แล้วยกมือไหว้ขอบคุณ ปกรณ์และแอบยิ้มด้วยความเขินอาย
ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ผมต้องขอโทษคุณจริงๆ นะ มันเป็นอุบัติเหตุ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆปกรณ์พูดกับกวินด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ กวินตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วเดินไปซื้ออาหาร

Cr. สวยคม

       





นวนิยายเรื่อง บัลลังก์รักป่าเถื่อน ตอนที่ 1


บัลลังก์รักป่าเถื่อน ตอนที่ 1

                                   

กวินเด็กหนุ่มนักศึกษาทุนผู้มีความฝันที่อยากจะไปเรียนและทำงานที่ต่างประเทศ เขามีความไฝ่ฝันที่อยากจะเป็นเชฟที่มีชื่อเสียงระดับโลก...
"เย้ เย้ ผมเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว"
ไม่อยากจะเชื่อเลย...เวลานี่ผ่านไปเร็วจริงๆ สำหรับการเรียน
4 ปีที่ผ่านมาผมได้อะไรเยอะแยะมากมาย ทั้ง ประสบการณ์ ความรู้ และที่สำคัญมิตรภาพที่ดีจากเพื่อนๆ ในคณะ ในสาขาและในรุ่น โดยเฉพาะก้องภพ เพื่อนคนสนิทของผมที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมจนจบมหาวิทยาลัย...  
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก กวิน กวิน ตื่นได้แล้วลูกสายแล้ว วันนี้หนูต้องพาแม่ไปทำธุระในเมืองนะ" เสียงแม่ของกวินเคาะประตูปลุกลูกชายพร้อมกับกวาดบ้านไปด้วย
"ครับแม่...ตื่นแล้ว" เสียงของกวินขานตอบแม่ พลางเอามือลูบหน้าเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาเต็มใบหน้า เพราะแสงแดดที่ส่องผ่านเข้ามาในห้องนอนทำให้อากาศร้อน กวินจึงรีบเก็บหมอน ผ้าห่ม และตุ๊กตาตัวโปรดเข้าที่แล้วเดินลงไปอาบน้ำ ในระหว่างที่กวินเอื้อมมือกำลังจะเปิดน้ำก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"กริ๋ง กริ๋ง กริ๋ง กริ๋ง" "แม่ครับ ๆ รับโทรศัพท์หน่อย" เสียงกวินตะโกนบอกแม่อยู่ในห้องน้ำ "จ้าๆๆ แม่กำลังจะเดินมารับนี่แหละ" ระหว่างที่กวินอาบน้ำอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงร้องออกมาจากในบ้าน กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด           "แม่ครับ!!! แม่เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมร้องดังลั่นบ้านเชียว" กวินร้องออกมาถามแม่จากในห้องน้ำด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ
"กวิน กวิน รีบอาบน้ำแต่งตัวเร็วลูกแม่มีเรื่องอะไรจะบอก รีบๆ นะ" แม่ของกวินร้องบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นและดีใจหลังจากรับสายโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเมื่อสักครู่
เมื่อกวินอาบน้ำแต่งตัวเสร็จกวินก็รีบเดินลงมาจากบ้าน พร้อมร้องเรียกแม่ ท่าทางของกวินดูตื่นเต้นและสงสัยราวกับว่าแม่มีเรื่องสำคัญอะไรจะเล่าให้ตัวเองฟัง
"แม่ครับๆ แม่มีอะไรหรือเปล่าทำไมแม่ต้องให้วินรีบอาบน้ำแต่งตัวด้วย แม่ดูแปลกๆ นะวันนี้" กวินถามแม่ด้วยความสงสัยและอยากรู้ แม่ของกวินก็เอาแต่นั่งอมยิ้มทำอะไรไม่ถูก จนกวินเองต้องสะกิดถาม "แม่ครับๆ แม่เป็นอะไรหรือเปล่า" กวินพูดกับแม่พลางเอามือจับแขนแล้วกระตุกเบาๆ
"เปล่าๆ วินแม่แค่ดีใจ เมื่อเช้าที่โทรศัพท์สายเข้านะ เขาโทรมาจากสถานทูตนะลูก"
"ห่ะ !! อะไรนะแม่เขาโทรมาว่าไงครับ" กวินร้องถามแม่ด้วยสีหน้าท่าทางที่ตกใจและอยากรู้ "เขาโทรมาบอกว่าวินผ่านคุณสมบัติที่จะได้เดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษไงลูก"
"จริงหรอครับแม่" กวินร้องถามแม่ด้วยน้ำเสียงที่ดีใจพร้อมโผลเข้ากอดและหอมแก้มผู้เป็นแม่อย่างเต็มแรง "ก็จริงนะสิแม่ดีใจด้วยนะฝันของหนูจะเป็นจริงแล้ว" แม่ของกวินตอบลูกชายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พร้อมเอามือลูบหัวไปมา พลางเช็ดน้ำตาของตนเองด้วยความดีใจ  
"ครับแม่ วินสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนและจะเป็นเด็กดีของแม่ตลอดไป" กวินตอบแม่พรางเอามือบัดแก้มเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว กวินเงยหน้าอันแดงกลํ่าขึ้นมองผู้เป็นแม่แล้วพูดอย่างดีใจและตื่นเต้น "งั้นวันนี้แม่ทำธุระเสร็จ แม่พาวินไปรายงานตัวด้วยเลยนะครับ" กวินพูดพร้อมโอบกอดแม่...
"เออ แม่ครับ ว่าแต่เดือนยังไม่ตื่นหรอครับทำไมวันนี้น้องตื่นสายจัง" กวินถามหาน้องสาวเพราะทุกครั้ง เดือนจะเป็นคนขึ้นไปปลุกตัวเองเพื่อให้ลงมาทานอาหารเช้าด้วยกันทุกครั้ง กวินจึงถามแม่ด้วยความเป็นห่วง และสงสัย
แม่ของกวินก็ได้แต่ยืนหัวเราะแล้วเอามือเอื้อมจับไหล่กวิน "เปล่าจ๊ะ วิน น้องออกไปไร่องุ่นกับคนงานตั้งแต่เช้าๆ แล้ว น้องบอกแม่ว่าวันนี้เพื่อนๆ จะมาเล่นที่ไร่ น้องเลยจะออกไปเตรียมสถานที่และรอรับ เพื่อนๆ นะจ๊ะ" แม่ตอบกวินด้วยสีหน้าและท่าทางกวนๆ พร้อมกับตักอาหารใส่จาน
"อ่อ ครับ ผมนึกว่าน้องยังนอนไม่ตื่น" กวินตอบแม่แล้วรีบเดินขึ้นไปบนห้องนอนเพื่อเอากระเป๋าและเอกสารสำหรับจะไปรายงานตัว...
"ฮัลโล ฮัลโหล วิน มึงอยู่ไหนว่ะ มึงรู้ข่าวจากสถานทูตยัง" ก้องภพเพื่อนสนิทของกวินโทรมาถามข่าวเรื่องที่สถานทูตประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือก
"เออ มึงกูพึ่งรู้เมื่อเช้านี่เอง เขาโทรมาบอก วันนี้ว่าจะไปรายงานตัว" กวินตอบก้องภพด้วยน้ำเสียงที่ดีใจ...
"เออ แม่ง!! มึงก็งี้แหละ ไม่คิดจะโทรมาถามกูเลยสักคำว่าผ่านหรือไม่ผ่าน" ก้องภพพูดเหมือนน้อยใจที่กวินไม่โทรมาถามตัวเอง
"เออ กูโทษนะก้อง กูมัวแต่ดีใจและยุ่งๆ กับเรื่องที่บ้านนิดหน่อย ยังไงกูก็ขอโทษมึงนะเพื่อน แล้วสรุปมึงผ่านการคัดเลือกไหมเนี่ย" กวินถามก้องภพด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและออดอ้อนเพราะรู้ว่าก้องภพไม่พอใจ
"ผ่านนะสิ ระดับนี้แล้วใครจะปล่อยให้พลาดว่ะ" ก้องภพตอบกวินด้วยน้ำเสียงที่ดังก้อง
"เย้ เย้ เย้" เสียงร้องดังลั่นในสายโทรศัพท์ก้ดังขึ้น กวินดีใจที่ก้องภพเพื่อนสนิทจะได้ไปเรียนและทำงานที่ต่างประเทศด้วยกันกับตน

"งั้นวันนี้เราไปรายงานตัวกันเลยไหม" กวินชวนก้องภพด้วยความตื่นเต้น...

Cr.สวยคม

วันจันทร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560

ภารกิจแต่งเพลงจากวรรณกรรม เรื่องสังข์ศิลป์ชัย



แต่งเพลงจากวรรณกรรม เรื่องสังข์ศิลป์ชัย
ชื่อเพลง เพราะกรรมใด (สินไซเดินดง)



                                           นายณัทรกรณ์  โยธารักษ์ ปี 3 หมู่ 2 รหัส 57210406223


วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2560

ภารกิจพิเศษ สรุปเนื้อหานิทาน เรื่องสังข์สินไซ





รายงาน
เรื่อง สังข์ศิลป์ชัย



จัดทำโดย
นายณัทรกรณ์ โยธารักษ์ ชั้นปีที่ ๓ หมู่ ๒
รหัสนักศึกษา ๕๗๒๑oo๖๒๒๓


เสนอ
อาจารย์วัชรวร   วงศ์กัณหา
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่น
สาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์
ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๙
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์


คำนำ
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา วรรณกรรมท้องถิ่น เป็นการศึกษาเกี่ยวกับนิทานพื้นบ้าน เรื่องสังข์ศิลป์ชัย ที่มีเนื้อหาของเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัย การทำความดี อีกทั้งการทำรายงานฉบับนี้เพื่อเป็นการศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของหนังสือและตำนานของเรื่องเพื่อที่จะให้ผู้สนใจได้ศึกษาและค้นคว้าต่อไป
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจและอยากจะศึกษาเกี่ยวกับวรรณกรรมเรื่องสังข์ศิลป์ชัย ไม่มากก็น้อย
                     
ผู้จัดทำ
นายณัทรกรณ์ โยธารักษ์

สารบัญ
เรื่อง
บทที่ ๑ สรุปเนื้อหานิทานเรื่องสังข์ศิลป์ชัย
๑. ๑ ที่มาและความสำคัญ
๑. ๒ ประวัติหนังสือ/ ผู้แต่ง/ ปีที่แต่ง/สำนักพิมพ์
บทที่   วิเคราะห์  ชื่อและเนื้อหาในวรรณกรรมเรื่องสังข์ศิลป์ชัย
            ๒.๑  ชื่อเรื่องมาจากอะไร                                                                                                        
.  แก่นเรื่อง                                                                                                                                 
.  โครงเรื่อง                                                                                                                                   
.  ตัวละคร                                                                                                                                     
.๕  ภาษา                                                                                                                                        
            .  ฉาก/สถานที่
บทที่ ความโดเด่นของโครงเรื่อง                                                                                     
บทที่ การนำไปประยุกต์ใช้                                                                                            

 บทที่ ๑
สรุปเนื้อหาและที่มาของนิทานพื้นบ้านเรื่องสังข์ศิลป์ชัย
            ที่นครเปงจาล พระยากุศราช เป็นเจ้าเมือง มีน้องสาวรูปงามชื่อนางสุมุณฑา วันหนึ่งนางไปชมสวน มียักษ์กุมภัณฑ์มาอุ้มเอานางไปยังเมืองอโนราช แล้วแต่งตั้งเป็นมเหสี พระยากุศราชเสียใจมาก จึงออกบวชติดตามไปถึงเมืองจำปา และได้พบธิดาทั้ง ๗ ของนันทะเศรษฐี จึงสึกและขอนางเป็นมเหสี พระยากุศราชเรียกมเหสีทั้ง ๘ มา ให้ทุกนางตั้งจิตอธิษฐานขอเอาลูกชายผู้มีบุญฤทธิ์มาเกิด เพื่อจะได้ติดตามเอานางสุมุณฑากลับคืนมา พระอินทร์ได้ส่งเทพ ๓ องค์มาเกิดในท้องนางทั้งสอง องค์หนึ่งเกิดเป็นสีโห (หัวเป็นช้าง) เกิดในท้องเมียหลวง องค์สองศิลป์ชัย (เป็นคน) และสังข์ทอง (หอยสังข์) เกิดในท้องเมียน้อย เมียหกคนได้คนสามัญมาเกิด โหรหลวงได้ทำนายว่าลูกที่เกิดจากเมียน้อยและเมียหลวงจะเป็นผู้มีบุญ คำทำนายของโหร ไม่เป็นที่พอใจของมเหสีทั้งหก มเหสีทั้งหกจึงว่าจ้างให้โหรทำนายใหม่ โหรเห็นแก่อามิสสินจ้างจึงทำนายใหม่ว่าลูกที่เกิดจากมเหสีทั้ง ๖ มีฤทธิ์เดชมาก ลูกที่เกิดจากนางจันทาและนางลุน เป็นทั้งคนทั้งสัตว์ เกิดมาอาภัพอัปปรีย์และจัญไร เมื่อประสูติ พระยากุศราชจึงขับไล่นางจันทา นางลุน พร้อมพระโอรสออกจากเมือง พระอินทร์เล็งเห็นความทุกข์ยาก จึงมาเนรมิตเมืองไว้ต้อนรับให้ได้อยู่อาศัย ยังเมืองนครศิลป์แห่งนี้ พระยากุศราชเมื่อขับไล่เมียแล้วให้โอรสทั้งหกไปตามเอาน้องสาวของตนคืนจากยักษ์กุมภัณฑ์ โอรสทั้งหกหลงทางมายังเมืองนครศิลป์ และได้โกหกศิลป์ชัย ให้ส่งสัตว์ป่าเข้าเมืองด้วยเพื่อเป็นพยานว่าพวกของตนได้พบกับศิลป์ชัยแล้ว เมื่อถึงเมืองโอรสทั้งหกก็โอ้อวดกับบิดาว่า พวกเขามีอำนาจเรียกสัตว์ทุกชนิดเข้าเมืองได้ ทุกคนก็หลงเชื่อว่าโอรสทั้งหกมีอำนาจ เมื่อบิดาสั่งให้โอรสทั้งหกติดตามหาอา พวกเขาก็มาโกหกศิลป์ชัยว่าบิดาสั่งให้ศิลป์ชัยไปตามหาอา ถ้าได้อาคืน ความผิดที่แล้วมาพ่อจะยกโทษให้ ศิลป์ชัยและน้องไปถึงด่านงูซวง กุมารทั้งหกไม่กล้าเดินทางต่อไป ให้สังข์ทองกับศิลป์ชัยเดินทางต่อไปรบกับยักษ์ฆ่ายักษ์ตาย เอาอาคืนมาได้ เมื่อถึงแม่น้ำใหญ่ กุมารทั้งหกผลักศิลป์ชัยตกเหว และบอกอาว่าศิลป์ชัยตกน้ำตาย อาไม่เชื่อจึงเอาผ้าสะใบ ปิ่นเกล้าและช้องผมเสี่ยงทายไว้ เมื่อกลับมาถึงเมือง พระยากุศราชได้จัดงานต้อนรับ และทราบความจริงว่ากุมารทั้งหกเป็นคนโกหกมาโดยตลอดจึงถูกลงโทษขังคุกพร้อมมารดาของตน พระยากุศราชพร้อมน้องสาวเชิญเอานางจันทาและนางลุน พร้อมศิลป์ชัย สีโหและสังข์ทองเข้ามาในเมือง อภิเษกศิลป์ชัยให้เป็นเจ้าเมืองเปงจาล ต่อมาศิลป์ชัยได้ปล่อยให้คนทั้งหมดออกจากคุก ปกครองบ้านเมืองเป็นสุขสืบมา ส่วนยักษ์กุมภัณฑ์นั้น พระยาเวสสุวัณได้ชุบชีวิตคืนชีพขึ้นมา คิดถึงนางสุมุณฑาผู้เป็นมเหสี จึงไปสู่ขอนางจากศิลป์ชัย และทั้งสองอยู่เป็นสุขตราบสิ้นอายุ

 . ที่มาของหนังสือ
            สังข์ศิลป์ชัย นับเป็นหนังสือที่เป็นวรรณกรรมสำคัญและเป็นที่นิยมสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษใน สมัยโบราณกาล ได้มีผู้แต่งเรียบเรียง จารลงในใบลาน มี ๒ ลักษณะ คือ ลักษณะที่แต่งเป็นร้อยแก้ว และ ลักษณะที่แต่งเป็นร้อยกรอง
            สำนวนที่แต่งเป็นร้อยแก้วนั้นล้วนแต่จารลงในใบลานด้วยอักษรแบบปัลลวะ หรือที่เรียกว่าอักษรธรรม มี ความยาว ๔o ผูก แต่ละผูกละ ๒oง๒๑ ใบลาน แยกห่อไว้เป็น ๒ มัด มัดต้น ๒o ผูก มัดปลาย ๒o ผูก เรียกว่าหนังสือมัด ใช้สำหรับเทศน์ เรียกว่า เทศน์ไตรมาส
            สำนวนที่แต่งเป็นร้อยกรอง มีคำประพันธ์ตามแบบชาวไทยลุ่มน้ำโขงหลายชนิดประสมประสานกัน เช่น กาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ เช่น วิชชุมาลี สินธุมาลี วชิรปันตี นาคบาศ จารลงในใบลานด้วยตัวอักษรไทยน้อย ตั้งแต่ต้นจนจบเป็นผูกเดียว เรียกว่าหนังสือผูก เป็นวรรณกรรมที่มีความไพเราะ นิ่มนวลต่อการฟัง



อภิชาติการพิมพ์
๑๑๒/๑๑๑ ถนนผังเมืองบัญชา อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
นายอภิชาต จำปาเฟื่อง ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา โทร ๗๒๑๔o
. ประวัติหนังสือ
.๑  ยุคสมัยที่แต่ง ในราวปี พ.ศ. ๒๑๘๕
.๒ ผู้แต่ง ท้าวปางคำ เจ้าเมืองหนองบัวลำภู
.๓ ต้นฉบับ ปริวัติมาจากใบลาน
 ๒.๔ ผู้ปริวรรต พระอริยานุวัตร (อารีย์  เขมจารี ปธ.๕ ศิลปศาสตร์ดาฏีบัณฑิตกิติมศักดิ์) เจ้าอาวาสวัดมหาชัย (พระอารามหลวง) รองเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม
.๕ สำนักพิมพ์ อภิชาติการพิมพ์
.๖ ปีที่พิมพ์ ๒๕๓o

บทที่ ๒ 
วิเคราะห์  ชื่อและเนื้อหาในวรรณกรรมเรื่องสังข์ศิลป์ชัย
. เนื้อเรื่อง
            ๑.๑ ชื่อเรื่อง
- มาจากชื่อของตัวละครเอกของเรื่อง
            .๒ แก่นเรื่อง
- คนดีตกน้ำไม่ไหลไม่ตกไฟไม่ไหม้
            .๓ โครงเรื่อง
-กล่าวถึงเมืองปัญจาล หรือเป็งจาล
-นางสุมณฑาถูกยักษ์ลักพาตัวไป
-พระชายาทั้งหมดของท้าวกุศราชตั้งครรภ์
-พระมเหสีของท้าวกุศราชคลอดลูกเป็นสีโห
-พระชายาองค์สุดท้ายคลอดลูกเป็นสินไซ
-สินไซและมารดาถูกไล่ออกจากเมือง
-สีโหขอติดตามสินไวไปด้วย
-พระอินทร์ทราบเรื่องจึงเนรมิตกระท่อมให้
-พระกุมารทั้งหกเจริญวัย
-กุมารทั้งหกหลอกให้สินไซเรียกสัตว์เข้าเมือง
-กุมารทั้งหกวานให้สินไซไปตามนางสุมณฑา
-สินไซออกตามหานางสุมณฑา
-สินไซต่อสู้กับท้าววิรุณนาคเพื่อชิงเมือง
-สินไซพานางสุมณฑาและนางสุดาจันทร์กลับ
-สินไซโดนผลักตกเหวพร้อมกับสีโห
-พระอินทร์ชุบชีวิตให้กับสินไซ
-นางสุมณฑาเล่าความจริงให้ท้าวกุศราชฟัง
-ท้าวกุศราชเนรเทศกุมารทั้งหกออกจากเมือง
-ท้าวกุศราชออกตามหาสินไซและมารดาเพื่อให้กลับเข้าเมือง
-สินไซกลับเข้าเมืองแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท้าวกุศราชฟัง
-สินไซได้ครองเมืองจนเจริญรุ่งเรือง
-ชาวเมืองอยู่อย่างสงบสุข
.๔ ตัวละคร
. ท้าวกุศราช เป็นพระราชาผู้ครองเมืองปัญจาลหรือ เป็งจาลเป็นผู้ที่มีนิสัยดีแต่มีนิสัยเจ้าชู้โดยดูได้จากมีชายาหลายองค์แต่ท้าวกุศราชเป็นคนที่รักน้องสาวเป็นอย่างมาก
. ท้าวกุมภัณฑ์ เป็นยักษ์ที่มีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ และมีนิสัยเกเรชอบเที่ยวเตร่ไปวันๆ ไม่ทำอะไรอาศัยอยู่ที่เมืองอโนราชซึ่งเป็นเมืองยักษ์
. นางสุมณฑา เป็นพระขนิษฐาหรือน้องสาวของท้าวกุศราชเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างงดงามมีเสน่ห์ชายหลายคนเห็นแล้วต้องหลงรัก ในรูปร่างหน้าตาของนาง และนางสุมณฑาเป็นคนที่มีนิสัยดีมีความรอบครอบมีความซื่อสัตย์และมีความเป็นธรรม
. นางจันทาเทวี เป็นพระชายาของท้าวกุศราชเป็นพระมารดาของสีโหแต่ถูกขับไล่ออกจากเมืองเพราะโดนใส่ร้ายจากคำทำนายของโหรหลวง นางจันทาเทวีเป็นหญิงมีรูปร่างสง่างามพูดจาไพเราะเป็นคนนิสัยดี มีความซื่อสัตย์ มีความพยายามและมีความอดทนต่อความยากลำบาก
. นางลุน เป็นพระชายาของท้าวกุศราชอีกคนและเป็นพระมารดาของสินไซและหอยสังข์ มีรูปร่างสง่างามเป็นคนที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มีจิตใจเมตตาและมีความอดทนพยามสูง
. หอยสังข์ หรือสังข์ เป็นลูกของนางลุน สังข์มีความวิเศษณ์คือใช้เป็นอาวุธในการปราบศรัตรูและคอยเป็นเพื่อนคู่ใจให้กับสินไซอยู่ตลอดเวลา
. สินไซ เป็นตัวละครเอกของเรื่อง สินไซ เป็นพระโอรสของพระยากุศราชผู้ปกครองนครเป็งจาล มีนางลุนเป็นพระมารดา มีหอยสังข์หรือท้าวหอยสังข์ ร่วมพระมารดาเดียวกัน สินไซ มีฐานะเป็นน้องชายหอยสังข์ สินไซมีพระนามเต็มที่พระอินทร์ตั้งให้ว่า พระยาสังข์ศิลป์ชัยมหาจักรพรรดิราชเจ้า สินไซมีลักษณะนิสัยที่ดีมีความเมตตาชอบช่วยเหลือบุคคลอื่นอยู่เสมอและมีอาวุธติดตัวมาตั้งแต่เกิดมี
. สีโห หรือสีหราช มีลักษณะลำตัวเป็นราชสีห์ ส่วนหัวเป็นช้าง มากด้วยบุญบารมีมีอิทธิฤทธิ์ สามารถแปลงกายได้หลายรูปแบบ มีพละกำลังมหาศาล มีเสียงร้องที่ดังสามารถทำลายศัตรูและที่สำคัญ คือ มีความกตัญญูรู้คุณ
. พระอินทร์ เป็นเทพที่อยู่บนสรวงสวรรค์มีรูปร่างงดงามกว่าคนธรรมดา คอยดูแลสินไซอยู่ตลอดเวลาถึงแม้จะตกทุกข์ได้ยากพระอินทร์จะคอยดูแลอยู่เสมอ พระอินทร์เป็นเทพที่มีหูทิพย์ตาทิพย์มีเวทมนต์สามรถเสกสิ่งของต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ
o. โหรหลวง เป็นหมอดูประจำพระราชวังของเมืองปัญจาล หรือเป็งจาล เป็นคนที่มีนิสัยเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องและความยากลำบากของคนอื่น

.๕ ภาษาและอัตลักษณ์ที่ใช้ในการแต่ง
- ภาษาถิ่นอีสานแบบคำกลอนโบราณ
.๖ ฉากและสถานที่
ฉากที่ ๑ ที่เมืองปัญจาล หรือเป็งจานมีพระราชาชื่อท้าวกุศราชและมเหสีชื่อนางจันทาเทวี
ฉากที่ นางสุมณฑาพระขนิษฐาของท้าวกุศราชถูกยักษ์กุมภัณฑ์ลักตัวไป
ฉากที่ พระชายาทั้งเจ็ดและพระมเหสีตั้งครรภ์ ประสูติเป็นพระโอรสทุกพระองค์
ฉากที่พระมเหสีนางจันทาเทวีประสูติโอรสเป็นราชสีห์ชื่อว่า " สีโห" ส่วนพระชายาองค์สุดท้องประสูติโอรสชื่อว่า " สินไซ (ศิลป์ชัย) "
ฉากที่ หมอหูฮา (โหรา) ทำนายว่าพระโอรสสินไซมีบุญญาธิการมาก จะสามารถปราบยักษ์และศัตรูได้ทั่วจักรวาล
ฉากที่ พี่สาวทั้งหกอิจฉาน้องสาว จึงติดสินบนหมอหูฮาให้ทำนายเท็จกราบทูลท้าวกุศราชเกี่ยวกับสินไซ
ฉากที่ ท้าวกุศราชเนรเทศสินไซและมารดาออกจากเมือง
ฉากที่ สินไซและมารดาพร้อมด้วยสีโพเดินพเนจรเข้าไปในป่า
ฉากที่ พระอินทร์เนรมิตกระท่อมให้สินไซและมารดาได้อาศัยอยู่
ฉากที่o กุมารทั้งหกเจริญวัยแล้วได้เสด็จออกไปประพาสป่าแล้วได้เจอกับสินไซ
ฉากที่ ๑๑ กุมารทั้งหกติดสินบนให้สินไซใช้เวทมนต์เรียกสัตว์ต่าง ๆ เข้าเมือง
ฉากที่ ๑๒ ท้าวกุศราชให้กุมารทั้งหกออกตามหาพระเจ้าอาที่ถูกยักษ์ลักตัวไป
ฉากที่ ๑๓ พระกุมารทั้งหกมาขอร้องให้สินไซออกไปตามพระเจ้าอาแทน
ฉากที่ ๑๔ มารดาของสินไซไม่ยอมให้ไป สินไซจึงได้แสดงอิทธิฤทธิ์ให้มารดาดูว่าตนสามารถเอาตัวรอดและปราบศัตรูได้ มารดาจึงยอมให้ไป
ฉากที่ ๑๕ สินไซพร้อมด้วยกองทัพทหารและพระกุมารทั้งหกได้ไปถึงฝั่งมหาสมุทร
ฉากที่ ๑๖ สินไซขี่สีโหข้ามไปยังเมืองยักษ์ เพื่อที่จะพานางสุมณฑากลับมายังบ้านเมือง
ฉากที่ ๑๗ สินไซได้พบกับนางสุมณฑาและได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้นางฟัง
ฉากที่ ๑๘ สินไซต่อสู้กับยักษ์กุมภัณฑ์เพื่อชิงนางสุมณฑา
ฉากที่ ๑๙ สินไซฆ่ายักษ์กุมภัณฑ์ได้สำเร็จ
ฉากที่o สินไซไปยังเมืองนาคเพื่อเล่นพนันชิงเมืองกับท้าววิรุณนาค
ฉากที่ ๒๑ ท้าววิรุณนาคต่อสู้กับสินไซอย่างดุเดือด ท้าววิรุณนาคแพ้จึงยกเมืองให้
ฉากที่ ๒๒ สินไซพานางสุมณฑาและนางสุดาจันทร์กลับมายังฝั่งมหาสมุทรที่กุมารทั้งหกรออยู่
ฉากที่ ๒๓ กุมารทั้งหกออกอุบายที่จะฆ่าสินไซ โดยผลักสินไซตกลงเหวพร้อมกับสีโห
ฉากที่ ๒๔ กุมารทั้งหกยกทัพกลับบ้านเมือง
ฉากที่ ๒๕  นางสุมณฑาใช้ผ้าสไบอธิษฐานถ้าหากสินไซยังไม่ตายให้ตนได้พบกับผ้าผืนนี้อีก
ฉากที่ ๒๖ หกกุมารและนางสุมณฑาพร้อมด้วยนางสุดาจันทร์กลับถึงบ้านเมือง
ฉากที่ ๒๗ ท้าวกุศราชจัดงานเฉลิมฉลองที่กุมารทั้งหกสามารถพานางสุมณฑากลับมาได้
ฉากที่ ๒๘ พระอินทร์ดลใจให้พ่อค้าสำเภาเจอกับผ้าสไบที่นางสุมณฑาเสี่ยงอธิษฐาน
ฉากที่ ๒๙ พ่อค้าสำเภาได้นำผ้าสไบไปถวายแก่ท้าวกุศราช
ฉากที่o นางสุมณฑาเห็นผ้าสไบผืนนั้นคิดว่าสินไซยังไม่ตายจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท้าวกุศราชฟัง
ฉากที่ ๓๑ ท้าวกุศราชรู้ความจริงทั้งหมด
ฉากที่ ๓๒ ท้าวกุศราชสั่งประหารหมอโหรา
ฉากที่ ๓๓ กุมารทั้งหกถูกเนรเทศออกจากเมือง
ฉากที่ ๓๔ ท้าวกุศราชให้ไพร่พลออกไปเชิญพระชายาและสินไซกลับเข้าบ้านเมือง
ฉากที่ ๓๕ สินไซละมารดาเสด็จเข้าเมือง
ฉากที่ ๓๖ สินไซได้ครองเมือง

บทที่ ๓
ความโดดเด่น  
            สังข์ศิลป์ชัย หรือ สินไซ เป็นวรรณกรรมนิทานพื้นบ้านในแถบกลุ่มวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำ  โขง  โดยเฉพาะกลุ่มวัฒนธรรมลาว ได้มีการสืบทอดต่อกันมาและหลอมรวมความเชื่อความศรัทธาเข้ากับ พุทธศาสนาทำให้  ตำนานเรื่องเล่า “สินไซ”  กลายเป็นความนิยมในยุคต่อมา มีความโดดเด่นคือเป็นภูมิ ปัญญาด้านศิลปกรรม ด้านภาษา และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะคือมีการใช้คำกลอนอีสานในการแต่งซึ่ง เป็นภาษาที่ดีอ่านแล้วเข้าใจง่าย
ตัวอย่าง
                                    เมื่อนั้น    หกพี่น้อง               วันนั้นประสูติซุม
                                    เป็นเซื้อ   หน่อท้าวธิราช       มามวล แลนา
                                                  ฮมฮมเขา                 แต่งปุนบัวพร้อม
                                                  ควงสวรรค์ตั้ง         วานระวังแฝงฝ่าย

                                                  หอมพี่น้อง             สองแก้วอยู่ไฟ   
                                     แต่นั้น    ความซ่าเท้า           เถิงราชวังหลวง
                                                  ภูธรคึด                   คั่งคาทวงท้าว
                                    พอเมื่อ    หลายวันแท้          ค่ำเดือนดาออก
                                                  พระบาทเจ้า           เตินต้าซูนาง
                                                  บอกส่ำเซื้อ            เชิญแม่มเหสี
                                    ให้พร้อม  เอากุมาร              แต่งดีดาเฝ่า
                                                   ฝูงเคยใช้               ดาดีเฮ็วฮอด
                                                   ทุกที่แจ้ง               ปุนแล้วเล่าไป
                                                   สองพี่น้อง            จาอยากยินอาย
                                                   กรรมมันมี            ว่าลือสิขีนได้
(สังข์ศิลป์ชัย บั้นสีโหสังข์ทองเกิด หน้า ๓o)
            จะเห็นว่าการใช้ภาษาของหนังสือเล่มนี้มีความโดดเด่นคือการใช้ภาษาที่เป็นภาษาอีสานแบบคำกลอนโบราณซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ และมีความไพเราะ อ่านง่าย

 บทที่ ๔
การนำไปประยุกต์ใช้
การนำนิทานพื้นบ้านเรื่องสังข์ศิลป์ชัยไปประยุกต์ใช้มีรูปแบบต่างๆ มีดังนี้
-การเทศน์สินไซ 
-หมอลำเรื่องต่อกลอน 
-หนังประโมทัย 
-ท่าฟ้อนรำ 
-ท่วงทำนองดนตรี 
-ภาพกิจกรรมฝาผนัง เป็นต้น

สรุปท้ายเรื่องอินโฟกราฟฟิก


นายณัทรกรณ์ โยธารักษ์ รหัส ๕๗๒๑o๔o๖๒๒๓ ปี ๓ หมู่ ๒